ผู้ส่ง |
ข้อความ |
thekop2515
Sub's Bench

เข้าร่วมเมื่อ: 22/09/2013
ตอบ: 843
|
คุยก่อนเกมส์
ต้องชนะเท่านั้น
สวัสดีครับบรรดาเดอะค็อปที่เคารพรัก รวมถึงแฟนคลับทุท่าน
และแล้ววันสำคัญก็มาถึง กับแมทช์ EPL ของ เดอะเรดส์ลิเวอร์พูล ในเกมส์ที่ 12 ประจำฤดูกาล 2019-20 ที่ต้องเปิดรังแอนฟิลด์เพื่อต้อนรับการมาเยือน น้มข้นหวานแมนเชสเตอร์ซิตี้ ทีมอันดับ 2 บนตารางคะแนน และอดีตแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา
ซึ่งยังไม่ทันเปิดฉาก ก็มีการออกมาทำสงครามจิตวิทยาเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีมของตนเอง และเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามในคราวเดียวกัน
โดยเฉพาะกรณี เฮดโค๊ช ของ นมข้นหวาน ด้วยสภาพกดดันที่ส่งผลให้ทีมต้องเป็นฝ่ายวิ่งไล่หลังจากถูกทิ้งห่างถึง 6 แต้ม โดยเฉพะเกมส์หลังสุดที่ทีมของตนสามารถกลับมาคว้าชัยในบ้านหลังจากโดน นักบุญคนบาปเซาท์แธมป์ตัน บุกขึ้นยิงขึ้นนำถึงถิ่น เอติฮัด แต่ก็สามารถกลับขึ้นมาตีเสมอและขึ้นนำสำเร็จและได้รับชัยชนะไปในที่สุดด้วยสกอร์ 2:1 ซึ่งในขณะที่เกมส์ที่ อิติฮัด จบลง ผลสกอร์ของสนาม วิลล่าพาร์ค คู่แข่งสำคัญยังคงถูก สิงห์หงอยแอสตันวิลล่า ขึ้นนำอยู่ 1 ประตู และคงคิดว่า นมข้นหวาน ของเขาคงมีคะแนนไล่ตามเหลือช่องว่าเพียง 3 คะแนนเท่านั้น
แต่เมื่อกลับถึงห้องแต่งตัว ผลการแข่งขันของ เดอะเรดส์ ทีมคู่แข่งกลับลงเอยด้วยชัยชนะ 2:1 ด้วยผลงานของ มาเน่ (อีกแล้ว) ที่มาโหม่งประตูชัยได้ในนาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลาเจ็บ ซึ่งเปรียบเสมือนอัศนีบาตฟาดเปรี้ยงมาบนหัวเหน่ง ๆ ของ เป็ป กวาดิโอล่า ที่สุดท้ายต้องออกมาให้สัมภาษณ์ตำหนิผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม อย่าง มาเน่ ว่า เป็นจอมพุ่ง จอมแทคติค ที่โดยธรรมชาติแล้วเป็นการเสียมารยาทเป็นที่สุดกลับการกระทำของเฮดโค๊ชระดับมืออาชีพที่ทำกัน
สำหรับ เดอะเรดส์ เองกับผลการแข่งขันที่สามารถกลับมาเอาชนะคู่ต่อสู้ในห้วงท้ายเกมส์ติดต่อกัน 2 เกมส์ ที่บรรดานักวิเคราะห์วิจารณ์รวมถึงแฟนบอลทั่วโลกออกมากล่าวเสียงเดียวกันว่าเป็น ความมหัศจรรย์ที่ไม่น่าเชื่อ ที่เกิดขึ้น
แต่ถ้าหากพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว สภาพการในลักษณะเช่นนี้ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะความผิดพลาดของแผงหลัง และการถูกทีมคู่แข่งขันทำประตูขึ้นนำ ซึ่งถ้ามองเพียงเรื่องผลการแข่งขันก็อาจจะสร้างความกระหยิ่มใจ แต่ถ้ามองในเรื่องศักยภาพของทีมแล้วมันคือปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข เพราะหากทีมประสบปัญหาลักษณะนี้อีกก็ใช่ว่าจะสร้างผลงานเหมือนเดิมนั้น ต้องขอบอกว่าอาจะเป็นไปไม่ได้ และจะไม่มีทางเป็นไปได้อีก โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ทีมมีความกดดัน และมีปัญหาในเรื่องตัวผู้เล่น โดยเฉพาะในตอนท้าย ๆ ของฤดูกาล
สิ่งสำคัญที่ เดอะเรดส์ จำเป็นต้องตระหนักรู้ไว้อย่างมากก็คือ ประสิทธิภาพในเกมส์รุกของ นมข้นหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำประตู ซึ่งต้องขอย้ำว่า ทีมของเป๊ปฯ เป็นทีมเดียวจนถึงขณะที่ที่มีสถิติการทำประตูเฉลี่ยนัดละ 2.5 ประตูต่อเกมส์
และที่ผ่านมา เดอะเรดส์ ของ เยอร์เกน คลอปป์ นั้น 11 นัดที่ผ่านมาเจอแต่ทีมที่วางแผนลงมาเล่นตั้งรับ และเปิดโอกาสให้วิงแบ็คทั้งสองข้างบุกขึ้นไปสร้างความกดดันให้กับเกมส์รับของฝ่ายตรงข้ามแบบโงหัวขึ้นมา ก็เจอทั้ง มาเน่ ซาลาห์ และฟีร์มิโน ที่พลาดเมื่อใดเป็นอันเสียประตู
แต่เกมส์นี้ขอบอกว่า นมข้นหวาน มิใช่ทีมที่ลงมาเพื่อตั้งรับ และยืนยันว่า พวกเขาต้องเปิดเกมส์บุกเข้าใส่ แบบที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ซึ่งหากวิงแบ็บของเดอะเรดส์ ขึ้นเกมส์บุก หรือ มีการเสียการครอบครองบอลในแดนกลางเมื่อใด มีหวังโดนใส่สกอร์ได้ไม่ยาก
ส่วนตัวยังมองไม่ออกว่า ผลจะออกมาแบบไหน เพราะมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสามทางไม่ว่า ชนะ เสมอ หรือพ่ายแพ้ และทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่จะได้ลงสนาม และแผนการเล่นของเฮดโค๊ชของทั้งสอ
ฝ่าย
ล่าสุด คลอปป์ ยังออกมายอมรับประสิทธิภาพในเกมส์บุกของคู่แข่งขัน รวมถึงพยายามปลุกขวัญกำลังใจต่อลูกทีมมิให้เกรงกลัว หรือเสียสมาธิแม้กระทั่งเสี้ยววินาที
ในขณะที่ เป๊ปฯ เองก็คงเผชิญกับความวิตกกังวลที่ไม่แตกต่างกัน และพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ตนเองคลายความกดดันลง โดยเฉพาะการออกมากล่าวตำหนิโดยระบุตัวผู้เล่นของคู่ต่อสู้
ทั้งหลายทั้งปวง นั้น สำหรับ เดอะเรดส์ฯ ยังคงมีข้อได้เปรียบอยู่ในเรื่องของการได้เล่นในฐานะเจ้าบ้านสนาม แอนฟิลด์ มาเป็นเวลาเนิ่นนานมากแล้ว (นัดสุดท้ายพ่ายแก่ต่อปราสาทเรือนนำแข็งคริสตัสพาเลช เมื่อฤดูกาล 2017)
เดอะเรดส์ฯ เป็นทีมที่สามารถคว่ำแชมป์เก่า พรีเมียร์ลีก ได้มากที่ถึง 21 นัด และยังไม่เคยปราชัยต่อทีมที่เป็นอดีตแชมป์เลยนับตั้งแต่ได้รับชัยชนะเหนือ สัมภเวสีแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่อ ธ.ค. ปี 2007 ด้วยสกอร์ 0:1
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เดอะเรดส์ฯ จะเป็นทีมที่ทำประตูในแมทช์พรีเมียร์ลีก ได้ต่อเนื่องยาวนานที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์ (45 เกม) แต่อย่าลืมว่าที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ทีมของ เยอร์เกน คลอปป์ เก็บสถิติ
คลีนชีทได้เพียง 2 นัด จาก 11 นัด และก็เสียประตูในทุกนัดเช่นกัน โดยเฉพาะในนัดที่เล่นในฐานะทีมเหย้า 5 นัดหลังสุด
แต่มีประเด็นที่น่าจับตามองก็คือ ทีมของ เป๊บ กวาร์ดิโอลา ก็มีสถิติในการปราชัยให้กับ เยอร์เกน คลอปป์ ในฐานะผู้จัดการทีมมากที่สุดในการพบกันทุกรายการโดยปราชัยถึง 7 นัดด้วยกัน และหลังจากปราชัยต่อ
เดอะเรดส์ฯ 4 นัดติดต่อกันระหว่างปี 2015-2016 หลังจากนั้นพวกเขาพ่ายแพ้ต่อเพียง 1 นัดจากการพบกัน 5 นัดสุดใพรีเมียร์ลีก(ชนะ 2 เสมอ 2)
เท่านั้น
และทั้งหมดก็เป็นไปตามนั้น ซึ่งก็คงต้องติดตามชมกันในเกมส์ เพลิงปะทุฟ้า ระหว่าง เดอะเรดส์ลิเวอร์พูล กับ นมข้นหวานแมนเชสเตอร์ซิตี้ ในแมทช์ EPL นัดที่ 12 ในคำ่คืนวันอาทิตย์นี้ (10 พ.ย.62) ณ สนามแอนฟิลด์
เริ่ม คิกออฟตรงกลับเวลา 23:30 น. (เวลาในประเทศไทย)
สำหรับผลการแข่งขันในนัดนี้ ต้องขอบอกว่า ไม่มีผลเสมอ และไม่มีคลีนชีทให้กับทั้งสองทีม
คำเตือน : ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ความดัน และไขมันในเส้นเลือดสูง ให้พักผ่อนเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อตื่นมาลุ้นผล และอันดับบนตารางคะแนนเท่านั้น
ขอบคุณที่ติดตาม
~อ.อั๋น~ |
|
|
  |
|
red4salim
Manager

เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2009
ตอบ: 11683
|
อย่าประมาท คงต้องลุ้น กันทุกวินาทีเหมือนเดิม
ทำให้ดีที่สุด นักเตะสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่งเดียวทำเพื่อทีม ไม่ได้หวัง แค่ทำประตู เพื่อให้ตัวเองมีชื่อทำสกอร์ได้
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหงส์แดงเจ้าบ้าน
จะคว้า3แต้ม
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆคะ
 |
_________________
 |
|
  |
|
Kvarme
สายตรวจ

เข้าร่วมเมื่อ: 12/02/2015
ตอบ: 3241
|
พระเอก หรือ ผู้ร้าย ในเกมนี้ น่าจะเป็น VAR นี่ล่ะ คาดว่าคงต้องมีจังหวะ ปะทะกันในกรอบเขตโทษ , แฮนด์บอล , ล้ำหน้า ให้ต้องลุ้นกันแน่ๆ #YNWA |
_________________ I am a Scouser.
Since Liverpool defeat Wimbledon in FA Cup 1988
" You'll never walk alone. " |
|
  |
|
The_Klop
Reserve Team

เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2017
ตอบ: 389
|
อยู่ที่กลางครับถ้าครองบอลไม่ได้หน้าและหลังงานหนักแน่ๆ นัดนี้ไม่อยากให้ดุมคู่กัปตัน อยากเห็นดุมกะอ็อก รึ กัปตันกะอ็อก แต่ที่ยากแต่อยากเห็นคือ เกอิต้าคู่อ็อก สุดท้ายก็คงเห็นดุมกะกัปตัน สู้ๆครับ  |
|
|
  |
|
|